การวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองนั้นไม่ยากอย่างที่คิดนะคะ แค่จะวุ่นวายนิดหน่อย 555
เพราะข้อมูลก็มีเยอะมากๆ ตรงนั้นก็น่าไป ตรงนี้ก็น่าไป เลือกไม่ถูกเลยค่ะ
ตามสเด็ปของเรา ด้วยความงก ก็จะจองตั๋วเครื่องบินให้ได้ราคาถูกๆ เป็นอันดับแรกค่ะ...
STEP 1. จองตั๋วเครื่องบินราคาถูก
กดไลค์เพจแจ้งโปรตั๋วเครื่องบินไว้ จะมีตั๋วราคาถูกมายั่วกิเลสของคุณแทบทุกวันเลยค่ะ เราติดตาม 3 เพจนี้ค่ะ
ChangTrixGet, Ar-pae.com, ติดโปร - PRO addict
แนะนำให้กดไลค์ไว้ทั้ง 3 เพจนะคะ จะได้เห็นโปรครบทุกสายการบิน
ส่วนสายการบินไปญี่ปุ่นที่มีโปรบ่อยๆ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ
ก่อนจองตั๋วเราจะหาข้อมูลคร่าวๆ ก่อนว่าช่วงไหน เมืองไหน มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง แล้วก็จะมาไล่ดูว่าขาไป-กลับมีตั๋วราคาโปรวันไหนบ้าง แล้วก็เลือกวันไป-กลับ ให้ห่างกันอย่างน้อย 7 วันจะได้เที่ยวให้คุ้มค่าตั๋วหน่อยค่ะ
STEP 2. หาที่เที่ยว
สเต็ปนี้เราพึ่ง google เป็นเลยหลักค่ะ ข้อมูลภาษาไทยเยอะมาก
สนใจที่ไหนก็ลิสเอาไว้ พร้อมข้อมูลเบื้องต้น เช่น เวลาเปิดปิด วันหยุด ค่าเข้าชม วิธีการเดินทาง
ถ้าเป็นเว็บไซต์ภาษาญี่ปุ่นเราก็จะใช้ Google Translate แปลจากญี่ปุ่นเป็นอังกฤษค่ะ จะอ่านได้เข้าใจง่ายกว่าแปลเป็นภาษาไทย
หลังจากนั้นก็ใช้ Google My Maps ปักหมุดสถานที่ที่เราสนใจเอาไว้วางแผนการเดินทางในขั้นตอนต่อไป
STEP 3. ทำแผนการเดินทางคร่าวๆ
ใช้ Microsoft Excel ทำตารางเวลา แล้วก็ดูจาก Google My Maps ว่าสถานที่ไหนอยู่ใกล้กัน ก็จัดกลุ่มเอาไว้เที่ยวในวันเดียวกันค่ะ
ถ้าเดินทางด้วยรถไฟ ก็ใช้ Hyperdia ระยะดูเวลาการเดินทาง
ถ้าเดินทางด้วยรถยนต์ ก็ใช้ Google Maps แทนค่ะ
แล้วก็มีเว็บไซต์ kosoku.jp เอาไว้คำนวณค่าทางด่วน จุดขึ้นลงทางด่วนก็ดูชื่อภาษาอังกฤษจาก Street View ใน Google Maps ค่ะ
ขั้นตอนนี้เราจะเว้นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดทริปของแต่ละวันไว้ก่อนนะคะ เพราะเรายังไม่ได้เลือกที่พักกันเลย
STEP 4. เลือกที่พัก
เมื่อเราได้แผนเที่ยวคร่าวๆ เราค่อยมาเลือกที่พักกันค่ะ สเต็ปนี้ขอแบ่งเป็น 2 ทางเลือกนะคะ
โรงแรมในเครือ APA นี่ไม่เคยอยู่ในสายตาเลย เพราะห้องค่อนข้างเล็ก 11 ตร.ม. เอง ควรเลือกห้อง 14 ตร.ม.ขึ้นไป จะได้พอมีพื้นที่กางกระเป๋าเดินทาง ถ้าให้ดีก็ซัก 18 ตร.ม. กำลังสบายเลยค่ะ
เวลาหาที่พักก็หาจากเว็บจองโรงแรมต่างๆ เลยค่ะ Expedia, Agoda, Booking ประมาณนี้ ใส่ชื่อย่านที่เราจะพัก แล้วก็กดดูแบบแผนที่นะคะ เลือกจากที่ตั้ง และราคาที่พอใจก่อน แล้วค่อยดูรายละเอียดอื่นๆค่ะ
และที่สำคัญเราจะเข้า Tripadvisor ไปดูรูปถ่ายจากคนทั่วไปที่เคยพัก เพื่อเช็คอีกครั้งนึงว่าสภาพโรงแรมและห้องพักจริงๆ เป็นยังไง
ส่วนตัวเราชอบจองที่พักกับ Expedia เพราะส่วนลดเยอะดีค่ะ จองโรงแรมที่ญี่ปุ่นผ่านบัตร JCB KTB Platinum ได้ส่วนลด 20% เลยค่ะ ถ้าโรงแรมประเทศอื่นๆ จะได้ลด 15% แถมส่วนลดของ Expedia จะลดจากยอดรวมภาษีทั้งหมดด้วยนะคะ ส่วน agoda จะลดให้เฉพาะค่าห้อง ส่วนภาษีเราต้องจ่ายเต็ม
STEP 5. ทำแผนการเดินทางจริงจัง
สเต็ปนี้เราจะลงรายละเอียดทั้งหมดสำหรับแผนการเดินทางค่ะ
แต่ละวันจะตื่นนอนกี่โมง ออกจากที่พักกี่โมง ไปไหนบ้าง เดินทางยังไง ใช้เวลาเดินทางเท่าไหร่ ใช้เวลาเที่ยวเท่าไหร่ ค่าเข้าเท่าไหร่ ค่าเดินทางเท่าไหร่ วางแผนให้ครบนะคะ ที่สำคัญอย่าลืมดูเวลาเปิดปิด และวันหยุดของแต่ละสถานที่ให้ดี จะได้ไม่เสียเวลาไปฟรีค่ะ
ส่วนเรื่องอาหารการกิน ก็หารีวิวจาก google หรือไม่ก็เว็บ Tabelog เป็นเว็บแนะนำร้านอาหารเหมือนกับ wongnai อ่ะค่ะ แต่ปกติเวลาไปญี่ปุ่นเราจะไม่ค่อยห่วงเรื่องหาของกิน เพราะของกินเยอะมาก ถ้าไม่มีร้านอาหารจริงๆก็เลี้ยวเข้า 7-Eleven หรือ Lawson กินง่ายอยู่ง่าย เก็บเวลาไว้เที่ยวกับช้อปปิ้งดีกว่าเนอะ ^^
เพราะข้อมูลก็มีเยอะมากๆ ตรงนั้นก็น่าไป ตรงนี้ก็น่าไป เลือกไม่ถูกเลยค่ะ
ตามสเด็ปของเรา ด้วยความงก ก็จะจองตั๋วเครื่องบินให้ได้ราคาถูกๆ เป็นอันดับแรกค่ะ...
STEP 1. จองตั๋วเครื่องบินราคาถูก
กดไลค์เพจแจ้งโปรตั๋วเครื่องบินไว้ จะมีตั๋วราคาถูกมายั่วกิเลสของคุณแทบทุกวันเลยค่ะ เราติดตาม 3 เพจนี้ค่ะ
ChangTrixGet, Ar-pae.com, ติดโปร - PRO addict
แนะนำให้กดไลค์ไว้ทั้ง 3 เพจนะคะ จะได้เห็นโปรครบทุกสายการบิน
ส่วนสายการบินไปญี่ปุ่นที่มีโปรบ่อยๆ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ
- Full service บินตรง : Thai Airways, All Nippon Airways (ANA), Japan Airlines (JAL) ราคาไป-กลับประมาณ 15,000-20,000
- Full service แวะต่อเครื่อง : Vietnam Airlines, Hongkong Airlines, Philippine Airlines ราคาไป-กลับไม่เกิน 10,000
- Full service ไฮโซ แวะต่อเครื่อง : Singapore Airlines, Cathey, China Airlines ราคาไป-กลับประมาณ 12,000-15,000
- Low-cost บินตรง : Air Asia, Scoot เฉพาะค่าตั๋วไป-กลับประมาณ 6,000-7,000 ถ้ารวมโหลดกระเป๋า,อาหาร,เลือกที่นั่ง ก็ประมาณ 10,000 นิดๆ
ก่อนจองตั๋วเราจะหาข้อมูลคร่าวๆ ก่อนว่าช่วงไหน เมืองไหน มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง แล้วก็จะมาไล่ดูว่าขาไป-กลับมีตั๋วราคาโปรวันไหนบ้าง แล้วก็เลือกวันไป-กลับ ให้ห่างกันอย่างน้อย 7 วันจะได้เที่ยวให้คุ้มค่าตั๋วหน่อยค่ะ
STEP 2. หาที่เที่ยว
สเต็ปนี้เราพึ่ง google เป็นเลยหลักค่ะ ข้อมูลภาษาไทยเยอะมาก
สนใจที่ไหนก็ลิสเอาไว้ พร้อมข้อมูลเบื้องต้น เช่น เวลาเปิดปิด วันหยุด ค่าเข้าชม วิธีการเดินทาง
ถ้าเป็นเว็บไซต์ภาษาญี่ปุ่นเราก็จะใช้ Google Translate แปลจากญี่ปุ่นเป็นอังกฤษค่ะ จะอ่านได้เข้าใจง่ายกว่าแปลเป็นภาษาไทย
หลังจากนั้นก็ใช้ Google My Maps ปักหมุดสถานที่ที่เราสนใจเอาไว้วางแผนการเดินทางในขั้นตอนต่อไป
STEP 3. ทำแผนการเดินทางคร่าวๆ
ใช้ Microsoft Excel ทำตารางเวลา แล้วก็ดูจาก Google My Maps ว่าสถานที่ไหนอยู่ใกล้กัน ก็จัดกลุ่มเอาไว้เที่ยวในวันเดียวกันค่ะ
ถ้าเดินทางด้วยรถไฟ ก็ใช้ Hyperdia ระยะดูเวลาการเดินทาง
ถ้าเดินทางด้วยรถยนต์ ก็ใช้ Google Maps แทนค่ะ
แล้วก็มีเว็บไซต์ kosoku.jp เอาไว้คำนวณค่าทางด่วน จุดขึ้นลงทางด่วนก็ดูชื่อภาษาอังกฤษจาก Street View ใน Google Maps ค่ะ
ขั้นตอนนี้เราจะเว้นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดทริปของแต่ละวันไว้ก่อนนะคะ เพราะเรายังไม่ได้เลือกที่พักกันเลย
STEP 4. เลือกที่พัก
เมื่อเราได้แผนเที่ยวคร่าวๆ เราค่อยมาเลือกที่พักกันค่ะ สเต็ปนี้ขอแบ่งเป็น 2 ทางเลือกนะคะ
- ถ้าเดินทางโดยรถสาธารณะ ควรจะเปลี่ยนที่พักให้น้อยที่สุดค่ะ เพราะจะเสียเวลามากในการจัดการกับกระเป๋าเดินทาง และควรเลือกที่พักที่เดินไม่ไกลจากสถานีรถไฟ และอยู่ในโซนที่เดินทางได้สะดวก เช่น โตเกียว ก็แถวๆ Ueno โอซาก้า ก็แถวๆ Namba/สถานนี Osaka ค่ะ
- ถ้าเช่ารถขับ ส่วนใหญ่จะต้องเปลี่ยนที่พักแทบทุกคืน ควรมีกระเป๋าเดินทางใบเล็ก 1 ใบ ไว้ใส่ของใช้และชุดสำหรับวันรุ่งขึ้น ส่วนของอื่นๆที่เหลือก็ทิ้งไว้ในรถนั้นแหละ ไม่ต้องขนลงไปหมดน้า และที่สำคัญเราจะเลือกที่พักที่อยู่ในเส้นทางการเดินทาง จะได้ไม่เสียเวลาในการขับรถค่ะ
โรงแรมในเครือ APA นี่ไม่เคยอยู่ในสายตาเลย เพราะห้องค่อนข้างเล็ก 11 ตร.ม. เอง ควรเลือกห้อง 14 ตร.ม.ขึ้นไป จะได้พอมีพื้นที่กางกระเป๋าเดินทาง ถ้าให้ดีก็ซัก 18 ตร.ม. กำลังสบายเลยค่ะ
เวลาหาที่พักก็หาจากเว็บจองโรงแรมต่างๆ เลยค่ะ Expedia, Agoda, Booking ประมาณนี้ ใส่ชื่อย่านที่เราจะพัก แล้วก็กดดูแบบแผนที่นะคะ เลือกจากที่ตั้ง และราคาที่พอใจก่อน แล้วค่อยดูรายละเอียดอื่นๆค่ะ
และที่สำคัญเราจะเข้า Tripadvisor ไปดูรูปถ่ายจากคนทั่วไปที่เคยพัก เพื่อเช็คอีกครั้งนึงว่าสภาพโรงแรมและห้องพักจริงๆ เป็นยังไง
ส่วนตัวเราชอบจองที่พักกับ Expedia เพราะส่วนลดเยอะดีค่ะ จองโรงแรมที่ญี่ปุ่นผ่านบัตร JCB KTB Platinum ได้ส่วนลด 20% เลยค่ะ ถ้าโรงแรมประเทศอื่นๆ จะได้ลด 15% แถมส่วนลดของ Expedia จะลดจากยอดรวมภาษีทั้งหมดด้วยนะคะ ส่วน agoda จะลดให้เฉพาะค่าห้อง ส่วนภาษีเราต้องจ่ายเต็ม
STEP 5. ทำแผนการเดินทางจริงจัง
สเต็ปนี้เราจะลงรายละเอียดทั้งหมดสำหรับแผนการเดินทางค่ะ
แต่ละวันจะตื่นนอนกี่โมง ออกจากที่พักกี่โมง ไปไหนบ้าง เดินทางยังไง ใช้เวลาเดินทางเท่าไหร่ ใช้เวลาเที่ยวเท่าไหร่ ค่าเข้าเท่าไหร่ ค่าเดินทางเท่าไหร่ วางแผนให้ครบนะคะ ที่สำคัญอย่าลืมดูเวลาเปิดปิด และวันหยุดของแต่ละสถานที่ให้ดี จะได้ไม่เสียเวลาไปฟรีค่ะ
ส่วนเรื่องอาหารการกิน ก็หารีวิวจาก google หรือไม่ก็เว็บ Tabelog เป็นเว็บแนะนำร้านอาหารเหมือนกับ wongnai อ่ะค่ะ แต่ปกติเวลาไปญี่ปุ่นเราจะไม่ค่อยห่วงเรื่องหาของกิน เพราะของกินเยอะมาก ถ้าไม่มีร้านอาหารจริงๆก็เลี้ยวเข้า 7-Eleven หรือ Lawson กินง่ายอยู่ง่าย เก็บเวลาไว้เที่ยวกับช้อปปิ้งดีกว่าเนอะ ^^
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น